วันจันทร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2555

ประโยชน์ของวิตามินอีกับผิว

ประโยชน์ของวิตามินอีกับผิว
         วิตามินและการมีสุขภาพดีเป็นที่กล่าวกันมานานส่วนวิตามินกับเรื่องความสวยงามมีการศึกษาวิจัยว่า การใช้วิตามินในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยป้องกันและซ่อมแซมการสึกหรอของเส้นผม ผิว และเล็บได้   โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิตามินที่ช่วยป้องกัน ช่วยยืดเวลาและยับยั้งการเสื่อมสภาพของผิว  ช่วยชลอความแก่ ช่วยลดการเกิดริ้วรอยตีนกาวิตามินที่เป็นส่วนผสมในครีมและโลชั่นทาผิวจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นในการบำรุงผิว
         ซึ่งเป็นคุณสมบัติตามธรรมชาติของวิตามินเองวิตามินที่เป็นที่นิยมใช้กันมากในเครื่องสำอางมีหลายชนิดแต่ที่จะกล่าวถึงในวันนี้คือ วิตามิน อี (Tocopherol) ซึ่งมีบทบาทและคุณบัติหลายอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อผิว จากการศึกษาอย่างกว้างขวาง




          สรุป ผลว่าวิตามินอีนอกจากจะเป็นสารบำรุงทำให้ผิวชุ่มชื้นแล้วในรูปของเอสเตอร์จะช่วยลดการอักเสบของผิวและช่วยป้องกันอันตรายที่เกิดจากรังสีอุลตร้าไวโอเล็ตได้อีกด้วย
         วิตามินอีและอนุพันธ์ของวิตามินอีมีคุณสมบัติ antioxidant ซึ่งจะไป neutralized การเกิด free radicals ดังนั้นวิตามินอีเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลรักษาผิวมีการศึกษาวิจัยที่ชี้ให้เห็นว่าวิตามินอี ช่วยลด psoriasis erythema และช่วยลดการเสี่ยงการเกิดมะเร็งผิวหนัง ช่วยรักษาแผลเป็น และช่วยลดริ้วรอยบนผิวและจากการศึกษาพบว่า ผิวหนังในบริเวณที่มีต่อมไขมันมาก เช่น ใบหน้าจะมีปริมาณของวิตามินอี มากกว่าบริเวณแขนถึง 20 เท่า เนื่องจากต่อมไขมันเป็นช่องทางที่สำคัญในการหลั่งวิตามินอีออกสู่ผิวหนัง

ประโยชน์ของการทาครีมที่มีส่วนผสมของ วิตามินE ในการป้องกันและรักษาผิวพรรณ

          1. ช่วยลดอัตราการทำลายของแสงแดดที่ทำให้เกิดรอยแดง
          2. ลดอัตราการเกิดมะเร็งผิวหนังจากแสงแดด
          3. ช่วยชลอความชราภาพของผิว ลดริ้วรอยเหี่ยวย่นแตกลาย
          4. การให้ความชุ่มชื้นและ ลดความหยาบกร้านของผิวพรรณ
          จะเห็นว่าวิตามินอีมีคุณสมบัติในการช่วยป้องกันผิวและช่วยบำรุงรักษาผิวการใช้วิตามินอีเป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางจะได้ผลดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับปริมาณวิตามินอี ที่ผสมอยู่ในเครื่องสำอางปริมาณวิตามินอีที่ใช้เป็นส่วนผสมในครีมบำรุงจะต้องมีปริมาณความเข้มข้นที่ เหมาะสมเพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่







การเกิดสบู่

                                                                     การเกิดสบู่
สบู่เป็นสารประกอบไอออนิก สามารถละลายน้ำได้และแตกตัวเป็นไอออนได้ดังนี้

CnH2n+1COONa             Na+(aq)   +   CnH2n+1COO(aq)


โมเลกุลของสบู่ประกอบด้วยโซ่ของไฮโดรคาร์บอนและปลายไอออนิกส่วนของไฮโดรคาร์บอนจะไม่ละลายในน้ำ (hydrophobic) แต่ละลายได้ในตัวทำละลายที่ไม่มีขั้ว สำหรับปลายไอออนิกจะละลายน้ำได้ (hydrophilic) เนื่องจากมีส่วนของโซ่ไฮโดรคาร์บอนอยู่ ทำให้โมเลกุลของสบู่ไม่ละลายอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตามสบู่จะเป็นคอลลอยด์ในน้ำ เพราะว่าสบู่สามารถเกิดไมเซลล์ (micell) โดยด้านโซ่ไฮโดรคาร์บอนจะจับกลุ่มกัน แล้วหันปลายไอออนิกเข้าหาน้ำ ดังนั้น จึงมีสมบัติในการซักล้างได้อย่างดี นั่นคือการกำจัดคราบสกปรกต่างๆ สบู่จะหันด้านโซ่ไฮโดรคาร์บอนเข้าหาคราบสกปรก และปลายด้านไอออนิกจะจับกับน้ำ จึงทำให้สบู่ซักคราบสกปรกได้
โครงสร้างของสบู่
สบู่จะใช้ได้ดีกับน้ำอ่อน แต่ถ้าเป็นน้ำกระด้างจะไม่เกิดฟอง และประสิทธิภาพของสบู่จะลดลง เนื่องจากในน้ำกระด้างมี Mg2+และ Ca2+เมื่อไอออนเหล่านี้รวมกับไอออนลบของสบู่ จะเกิดเกลือแมกนีเซียมหรือเกลือแคลเซียมของกรดไขมันที่ไม่ละลายน้ำ ลอยเป็นฝ้าอยู่บนผิวน้ำเรียกว่า ไคลสบู่  เช่น สบู่โซเดียมสเตียเรต เมื่ออยู่ในน้ำกระด้างจะตะกอนหรือไคลสบู่ดังนี้


2 CH3(CH2)16COONa(aq)
+
Ca2+(aq)
(CH3(CH2)16COO)2Ca(s)
+
2 Na+(aq)
โซเดียมสเตียเรต



แคลเซียมสเตียเรต



ไคลสบู่ที่เกิดขึ้นอาจเกาะเสื้อผ้า ทำให้ผ้าหมอง จึงไม่นิยมใช้สบู่ในการซักเสื้อผ้า จึงมีการผลิตผงซักฟอกจะเพื่อใช้ทำความสะอาดแทนสบู่


บรรจุภัณฑ์ของสบู่

บรรจุภัณฑ์ของสบู่

ประเภทของบรรจุภัณฑ์
ประเภทของบรรจุภัณฑ์สามารถแบ่งได้หลายวิธีตามหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ดังนี้
1. แบ่งตามวิธีการบรรจุและวิธีการขนถ่าย
2. แบ่งตามวัตถุประสงค์ของการใช้
3. แบ่งตามความคงรูป
4. แบ่งตามวัสดุบรรจุภัณฑ์ที่ใช้

1. ประเภทบรรจุภัณฑ์แบ่งตามวิธีบรรจุและวิธีการขนถ่าย สามารถแบ่งได้ 3 ประเภท
1.1 บรรจุภัณฑ์เฉพาะหน่วย (Individual Package) คือ บรรจุภัณฑ์ที่สัมผัสอยู่กับผลิตภัณฑ์ชั้นแรก เป็นสิ่งที่บรรจุผลิตภัณฑ์เอาไว้เฉพาะหน่วย โดยมีวัตถุประสงค์ขั้นแรกคือ เพิ่มคุณค่าในเชิงพาณิชย์ (To Increase Commercial Value) เช่น การกำหนดให้มีลักษณะพิเศษเฉพาะหรือทำให้มีรูปร่างที่เหมาะแก่การจับถือ และอำนวยความสะดวกต่อการใช้ผลิตภัณฑ์ภายใน พร้อมทั้งทำหน้าที่ให้ความปกป้องแก่ผลิตภัณฑ์โดยตรงอีกด้วย
1.2. บรรจุภัณฑ์ชั้นใน (Inner Package) คือ บรรจุภัณฑ์ที่อยู่ถัดออกมาเป็นชั้นที่สอง มีหน้าที่รวบรวมบรรจุภัณฑ์ขั้นแรกเข้าไว้ด้วยกันเป็นชุด ในการจำหน่ายรวมตั้งแต่ 2 – 24 ชิ้นขึ้นไป โดยมีวัตถุประสงค์ขั้นแรก คือ การป้องกันรักษาผลิตภัณฑ์จากน้ำ ความชื้น ความร้อน แสง แรงกระทบกระเทือน และอกนวยความสะดวกแก่การขายปลีกย่อย เป็นต้น ตัวอย่างของบรรจุภัณฑ์ประเภทนี้ ได้แก่ กล่องกระดาษแข็งที่บรรจุเครื่องดื่มจำนวน ฝ 1 โหล , สบู่ 1 โหล เป็นต้น
1.3. บรรจุภัณฑ์ชั้นนอกสุด (Out Package) คือ บรรจุภัณฑ์ที่เป็นหน่วยรวมขนาดใหญ่ที่ใช้ในการขนส่ง โดยปกติแล้วผู้ซื้อจะไม่ได้เห็นบรรจุภัณฑ์ประเภทนี้มากนัก เนื่องจากทำหน้าที่ป้องกันผลิตภัณฑ์ในระหว่างการขนส่งเท่านั้น ลักษณะของบรรจุภัณฑ์ประเภทนี้ ได้แก่ หีบ ไม้ ลัง กล่องกระดาษขนาดใหญ่ที่บรรจุสินค้าไว้ภายใน ภายนอกจะบอกเพียงข้อมูลที่จำเป็นต่อการขนส่งเท่านั้น เช่น รหัสสินค้า (Code) เลขที่ (Number) ตราสินค้า สถานที่ส่ง เป็นต้น

2. การแบ่งประเภทบรรจุภัณฑ์ตามวัตถุประสงค์ของการใช้
บรรจุภัณฑ์เพื่อการขายปลีก (Consumer Package) เป็นบรรจุภัณฑ์ที่ผู้บริโภคซื้อไปใช้ไป อาจมีชั้นเดียวหรือหลายชั้นก็ได้ ซึ่งอาจเป็น Primary Package หรือ Secondary Package ก็ได้
บรรจุภัณฑ์เพื่อการขนส่ง (Shopping หรือ Transportation Package) เป็นบรรจุภัณฑ์ที่ใช้รองรับหรือห่อหุ้มบรรจุภัณฑ์ขั้นทุติยภูมิ ทำหน้าที่รวบรวมเอาบรรจุภัณฑ์ขายปลีกเข้าด้วยกัน ให้เป็นหน่วยใหญ่ เพื่อความปลอดภัยและความสะดวกในการเก็บรักษา และการขนส่ง เช่น กล่องกระดาษลูกฟูกที่ใช้บรรจุยาสีฟัน กล่องละ 3 โหล
3. การแบ่งบรรจุภัณฑ์ตามความคงรูป
3.1. บรรจุภัณฑ์ประเภทรูปทรงแข็งตัว (Rigid Forms) ได้แก่ เครื่องแก้ว (Glass Ware) เซรามิคส์ (Ceramic) พลาสติกจำพวก Thermosetting ขวดพลาสติก ส่วนมากเป็นพลาสติกฉีด เครื่องปั้นดินเผา ไม้ และโลหะ มีคุณสมบัติแข็งแกร่งทนทานเอื้ออำนวยต่อการใช้งาน และป้องกันผลิตภัณฑ์จากสภาพแวดล้อมภายนอกได้ดี
3.2. บรรจุภัณฑ์ประเภทรูปทรงกึ่งแข็งตัว (Semirigid Forms) ได้แก่ บรรจุภัณฑ์ที่ทำจากพลาสติกอ่อน กระดาษแข็งและอลูมิเนียมบาง คุณสมบัติทั้งด้านราคา น้ำหนักและการป้องกันผลิตภัณฑ์จะอยู่ในระดับปานกลาง
3.3. บรรจุภัณฑ์ประเภทรูปทรงยืดหยุ่น (Flexible Forms) ได้แก่ บรรจุภัณฑ์ที่ทำจากวัสดุอ่อนตัว มีลักษณะเป็นแผ่นบาง ได้รับความนิยมสูงมากเนื่องจากมีราคาถูก ( หากใช้ในปริมาณมากและระยะเวลานาน ) น้ำหนักน้อย มีรูปแบบและโครงสร้างมากมาย
4. แบ่งตามวัสดุบรรจุภัณฑ์ที่ใช้
การจัดแบ่งและเรียกชื่อบรรจุภัณฑ์ในทรรศนะของผู้ออกแบบ ผู้ผลิต หรือนักการตลาด จะแตกต่างกันออกไป บรรจุภัณฑ์แต่ละประเภทก็ตั้งอยู่ภายใต้วัตถุประสงค์หลักใหญ่ (Objective Of Package) ที่คล้ายกันคือ เพื่อป้องกันผลิตภัณฑ์ (To Protect Products) เพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์ (To Distribute Products) เพื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ (To Promote Products)

วันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2555

ค่า pHของสบู่



ค่า pHของสบู่         


ค่า pH (Power of hydrogen) เป็นอย่างหนึ่งที่เราทุกคนเคยได้ยินแต่มีน้อยคนนักที่เข้าใจในความหมายในแง่ของความเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์บำรุงและดูแลผิว คำนวณโดยสเกลตั้งแต่ 1-14, ค่า pH นั้นอ้างถึงระดับของกรดหรือด่าง หากตัวเลขได้น้อยกว่า 7 คือมีสภาพเป็นกรด หากมากกว่า 7 คือมีสภาพเป็นด่าง และหากเท่ากับ 7 คือค่าที่อยู่ในระดับเดียวกับร่างกายของเราและเป็นสภาวะที่ดี่ที่สุด นั่นคือมีค่าเป็นกลาง อย่างไรก็ดี เนื่องจากผิวมีความแตกต่างกันในค่าของความเป็นกรดหรือด่าง และเพื่อหลีกเลี่ยงและรักษาผิวแห้ง จึงมีความจำเป็นที่จะต้องเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีค่า pH ที่เหมาะสมกับตัวเอง
ค่า pH ในผิวธรรมดานั้นอยู่ในช่วง 4-6.5 ซึ่งจะมีสภาพของความเป็นกรดอ่อน ๆ และมีสภาพของความเป็นกรดตามธรรมชาติที่ปกป้องผิวชั้นนอก อันมีลักษณะของกรดที่แตกต่างกันรวมอยู่ด้วยกัน เช่นกรดแลคติค, กรดอะมิโน และกรดไขมันไม่อิ่มตัว หน้าที่หลักอย่างหนึ่งของกรดที่ปกป้องผิวชั้นนอกคือ ช่วยปกป้องผิวและร่างกายจากการรวมตัวกันของแบคทีเรียหรือเชื้อรา เนื่องจากแบคทีเรียหรือเชื้อราไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ในสภาพความเป็นกรด นั่นจึงหมายถึงว่า ถ้าเราสามารถทำให้ผิวเรามีสภาพความเป็นกรดก็จะทำให้เราหลีกหนีจากสิวได้นั่นเอง
หากกรดที่ทำหน้าที่ปกป้องผิวถูกรบกวน ก็จะทำให้ผิวนั้นกลายเป็นผิวที่ไวต่อการกระตุ้นหรือที่เราๆเรียกกันว่าผิวแพ้ง่าย แม้ว่ากรดและด่างนั้นอยู่คนละฝั่งที่ตรงข้ามกัน แต่ทั้งสองอย่างก็รบกวนค่า pH กันได้ และก็เป็นผลทำให้เกิดผิวแห้งได้
ค่าความเป็นด่างคือ pH 8 ขึ้นไป จะทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง และโชคไม่ดีเลยที่ผลิตภัณฑ์บำรุงดูแลผิว และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ใช้ทั่วๆไปนั้นส่วนใหญ่จะมีค่าเป็นด่าง สบู่ทำความสะอาดผิวส่วนมากมีค่า pH อยู่ที่ 9-11 และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดในบ้านหลาย ๆ ชนิดมีค่า pH อยู่ในช่วง 10-12 ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเตาอบมีค่า pH 13 ซึ่งเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมต้องใส่ถุงมือยางเวลาใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้

            เมื่อกรดที่คลุมผิวถูกรบกวนโดยการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความเป็นด่างมากเกินไป จะต้องใช้เวลาประมาณ 14 ชั่วโมงกว่าผิวที่ถูกทำลายจะกลับสู่สภาพปกติ อย่างไรก็ดี ในความเป็นจริงก็คือ ก่อนที่จะครบกำหนดเวลาดังกล่าว ก็ถึงเวลาที่เราจะต้องใช้ผลิตภัณฑ์นั่นอีกแล้ว ดังนั้นผิวที่ถูกทำลายจึงไม่เคยได้รับการซ่อมแซมให้กลับสู่สภาพปกติเลย ผลก็คือ ผิวจะกลายเป็นผิวแห้งโดยถาวร
โชคดีที่สภาพนี้จะไม่เป็นการถาวรอีกต่อไป และคุณสามารถเริ่มปรับปรุงได้ด้วยตัวเองโดยการอ่านฉลากผลิตภัณฑ์ บ่อยครั้งที่ฉลากแจ้งค่า pH หรือระบุว่าผลิตภัณฑ์นั้นมีค่า pH balance ซึ่งแสดงถึงค่า pH ที่ใกล้เคียงกับผิว พยายามหาผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีค่า pH ระหว่าง 4-7 แล้วคุณจะพบว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับคุณและช่วยรักษาอาการผิวแห้งที่เคยเป็นได้






สรรพคุณของมะขาม


สรรพคุณของมะขาม

- ช่วยในการปรับสภาพผิวตามธรรมชาติ ทำให้ผิวขาวเนียนเปล่งปลั่งผิวขาวเนียนเรียบกว่าที่เคยเป็น
- สามารถใช้ขัดตามซอกขาหนีบตามรักแร้อย่างปลอดภัยทำให้บริเวณที่ดำคล้ำค่อยๆขาวขึ้น
- ช่วยขจัดจุดด่างดำรอยดำบนผิวหน้าหรือตามร่างกาย รอยสิวบนแผ่นหลัง
ปรับสีผิวให้เนียนเรียบสม่ำเสมอ
- สามารถทั้งขัดและพอกผิวในขั้นตอนเดียวเดียวกัน ใช้เป็นสครับขัดผิวอย่างอ่อนโยน
โดยไม่ต้องไปลงคอร์สทำตัวหรือขัดตัว- ช่วยต่อต้านอนูมูลอิสระที่ทำให้ผิวเหี่ยวย่น ช่วยราคาแพงก็ขาวขึ้นได้ค่ะ
- ใช้เป็นประจำแทนสบู่หรือครีมอาบน้ำได้ค่ะรับรองเผยผิวใหม่ขาวใสอย่างมั่นใจสุดๆ
ชลอความเหี่ยวย่นของผิวได้
- ผิวหน้านุ่มนวล ขาวใส ผุดผ่องขึ้น รู้สึกชัดเจนจากคุณค่าบำรุงของสมุนไพร
- ผิวหน้า ผิวกายเนียนเรียบขึ้น รูขุมขนกระชับ ผิวละเอียดและใสขึ้น
- ผู้มีผิวมันความมันจะลดลง ผู้มีผิวแห้งผิวจะชุ่มชื้นขึ้นจากกลไกการปรับสภาพผิว
-ผิวหนังที่เคยแพ้ง่าย เกิดการอักเสบง่ายจะมีภูมิต้านทานดีขึ้นมาก ไม่แพ้ง่ายเหมือนก่อน








สรรพคุณของน้ำผึ้ง

สรรพคุณของน้ำผึ้ง

            น้ำผึ้งถือเป็นยาอายุวัฒนะขนานแท้ของไทย  นิยมนำน้ำผึ้งมาบริโภคและนำไปเป็นส่วนผสมในเครื่องดื่ม อาหารตลอดจนยารักษาโรคขนานต่างๆมากมาย เหตุเพราะน้ำผึ้งเป็นแหล่งรวมสารต่างๆที่มีประโยชน์สูง ทั้งวิตามิน แร่ธาตุมากมาย ดังนั้นน้ำผึ้งจึงมีประโยชน์และคุณค่าสูง  นอกจากนี้ยังมีการนำน้ำผึ้งมาใช้ประโยชน์ในด้านการบำรุงผิวพรรณเพื่อกระชับและประทินผิว ให้ผิวหนังชุ่มชื้นไม่แห้งง่ายใช้น้ำผึ้งผสมกับขมิ้นชันพอกหน้า ( อัตราส่วน น้ำผึ้ง : ขมิ้นชัน  80 : 20 ) ซึ่งจะมีผลทำให้ผิวหน้าเต่งตึง กระชับรูขุมขน ลดริ้วรอยบนใบหน้าได้ควรทำอย่างสม่ำเสมอจะเป็นการเพิ่มสุขภาพที่ดีให้กับผิวหน้าและผิวพรรณเรือนร่างทั่วกาย
น้ำผึ้งเกิดจากการที่ผึ้งนำน้ำจากเกสรดอกไม้ที่เป็นน้ำหวานจากธรรมชาติมาแล้วใช้กรด Enzyme ในห้องผึ้งเปลี่ยนแปลงมาเป็นน้ำผึ้งซึ่งน้ำผึ้งที่ได้มานั้นย่อมขึ้นอยู่กับวัตถุดิบหรือชนิดของเกสรดอกไม้ที่ผึ้งได้ไปรวมถึงแหล่งของพืชและพื้นดินนั้น ๆ ที่ผึ้งเจริญเติบโตอยู่เพราะฉะนั้นน้ำผึ้งที่ได้จากรังผึ้งในป่าใหญ่จึงมีความสมบูรณ์และมีแร่ธาตุอาหารที่แตกต่างจากน้ำผึ้งเลี้ยงส่วนน้ำผึ้งเลี้ยงจะมีการเติมน้ำหวานจากน้ำตาลและเกสรเทียมซึ่งทำให้คุณค่าลดน้อยลงไป
วิธีสังเกตว่าเป็นน้ำผึ้งแท้จากธรรมชาติทำได้โดยการนำน้ำผึ้งใส่ไว้ในขวดตั้งทิ้งไว้สักพัก จะพบว่ามีเกสรดอกไม้ลอยอยู่ด้านบนซึ่งเป็นลักษณะตามธรรมชาติของน้ำผึ้งป่านั่นเอง
มาดูถึงคุณประโยชน์ของน้ำผึ้งกันบ้างจะพบว่าในน้ำผึ้งมีสารเอนติออกซิเดนท์เช่นเดียวกับที่มีในผักใบเขียวและยังมีวิตามินบี ซี ฟอสฟอรัส แคลเซียม เกลือแร่และกรดอะมิโน ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพและช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์แร่ธาตุที่กล่าวมาล้วนมีความจำเป็นต่อร่างกายที่จะเข้าไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอบำรุงโลหิต บอกเป็นภาษาโภชนาการมาพอสมควร ลองยกตัวอย่างที่เห็นง่าย ๆ ดีกว่า
ช่วยปรับสมดุลร่างกายและควบคุมน้ำหนักผู้ที่รักสุขภาพและผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น โรคปวดข้อ เป็นตะคริวอยู่บ่อย ๆหรือโรคอ้วน สามารถนำวิธีนี้ไปใช้ดื่มเป็นประจำ เพื่อสุขภาพที่ดีและช่วยบรรเทาโรคต่าง ๆ ได้ ซึ่งได้มีการพิสูจน์และใช้กันมานานในอเมริกาและยุโรปโดยนำน้ำผึ้งไม่ผ่านความร้อน (Raw Organic Honey) 3 ช้อนชาและน้ำส้มสายชูหมักแอปเปิ้ลไม่ผ่านความร้อน (Raw Organic Apple Cider Vinegar) 3 ช้อนชา ผสมน้ำเปล่า 1 แก้ว ดื่มทุกเช้าหลังตื่นนอน และระหว่างมื้อเป็นประจำทุกวันจะทำให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงและสดชื่น
อาหารเช้าสำหรับสาวทำงานและผู้รักสุขภาพ เพียงนำผลไม้ต่าง ๆมาหั่น เช่น มะละกอ กล้วย ส้ม ตามชอบ ราดด้วยโยเกิร์ต ลูกเกด และน้ำผึ้งไปผ่านความร้อน คุณก็จะได้อาหารเช้าที่มีประโยชน์ อร่อย อุดมด้วยวิตามินแร่ธาตุอาหาร เอนไซน์ และโปรตีนที่ย่อยง่าย
ผู้ที่นอนไม่ค่อยหลับผสมน้ำผึ้งกับน้ำผุ่นหรือนมร้อนจะช่วยให้คุณหลับสบายแต่ถ้าได้ร่วมกับการนั่งสมาธิซัก 5 นาทีก่อนนอนเพื่อให้ท่านได้หยุดพักความคิดและปล่อยวางลงบ้างจะยิ่งทำให้คืนนั้นเป็นคืนที่คุณได้พักผ่อนเต็มที่
สำหรับผิวหน้าสดใสผู้ที่มีปัญหาสิวเสี้ยนหรือต้องการบำรุงผิวหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ มีวิธีง่าย ๆ ดังนี้หลังจากล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นและเช็ดให้แห้งแล้ว นำกล้วยหอม 1/2 ลูกนำมาบดผสมกับน้ำผึ้งไม่ผ่านความร้อน แล้วนำมาทาบนหน้า ทิ้งไว้ซัก 10-15 นาทีแล้วล้างออก น้ำผึ้งไม่ผานความร้อนจะมีเอ็นไซน์ซึ่งทำให้หน้าคุณชุ่มชื่นและนุ่มนวลขึ้น
เพื่อผมเงางามหลังสระผมเสร็จนำน้ำผึ้งไม่ผ่านความร้อนผสมกับน้ำมะกอกอย่างละ 3 ช้อนโต๊ะนำมาชโลมผมแล้วทิ้งไว้ซัก 3-5 นาที จึงล้างออกด้วยน้ำสะอาดผมคุณจะนิ่มและเงางามตามธรรมชาติปราศจากสารเคมีใด ๆ
จะเห็นได้ว่า "น้ำผึ้ง"มีคุณประโยชน์มากมายต่อร่างกายอย่างมากซึ่งตั้งแต่สมัยโบราณหมอชาวบ้านหรือแพทย์แผนโบราณจะนำน้ำผึ้งเดือน 5 หรือน้ำผึ้งแท้มาเป็นส่วนผสมในการปรุงยา หรือเป็นตัวประสานในยา เช่นนำมาปั่นเป็นลูกกลอน เป็นน้ำกระสายละลายผงยาและน้ำผึ้งจัดเป็นตัวยาสมุนไพรสำคัญอย่างหนึ่งทีเดียวในการเอามาทำยาอายุวัฒนะในทุกๆ ครั้งนั่นก็เป็นเพราะคุณค่าอันมีประโยชน์อย่างมากมายที่ทำให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงอายุยืนยาวมากกว่าปกติ
คุณสมบัติของน้ำผึ้งน้ำผึ้งเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่ถูกใช้เพื่อความงามมาตั้งแต่สมัยโบราณ และยังคงใช้มาจนถึงปัจจุบัน ในการผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณและเส้นผม เนื่องจากคุณสมบัติตามธรรมชาติที่มีในน้ำผึ้ง ดังนี้
§     Humectant น้ำผึ้งเป็นสารให้ความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ คือสามารถดึงและเก็บความชื้นไว้ได้ ทำให้ผิวหนังมีความอ่อนนุ่มและยืดหยุ่น จึงเหมาะที่จะเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้นต่างๆ ได้แก่ คลีนซิ่ง, ครีม, แชมพู และคอนดิชันเนอร์ และเนื่องจากน้ำผึ้งมาจากธรรมชาติและไม่ระคายเคืองผิวหนัง จึงเหมาะอย่างมากกับผลิตภัณฑ์สำหรับผิวบอบบางและผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก
§     Antioxidant น้ำผึ้งมีคุณสมบัติเป็นสารแอนตี้ออกซิแดนต์ สารแอนตี้ออกซิแดนต์มีบทบาทในการปกป้องผิวหนังจากการทำลายของแสง UV และช่วยในการเสริมสร้างเซลส์ผิวหนังใหม่
§         Antimicrobial Agent น้ำผึ้งมีคุณสมบัติเป็นสารต่อต้านจุลินทรีย์และยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย เนื่องจาก
·         น้ำผึ้งมีปริมาณน้ำตาลสูง เป็นการจำกัดปริมาณน้ำที่แบคทีเรียจะสามารถเติบโตได้
·         มีความเป็นกรดสูง (pH ต่ำ) และปริมาณโปรตีนต่ำ ซึ่งทำให้แบคทีเรียไม่ได้รับไนโตรเจนที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโต
·         มีไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์และแอนตี้ออกซิแดนต์อยู่ในน้ำผึ้งช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย  
      ด้วยคุณสมบัติดังกล่าวของน้ำผึ้ง  เราจึงนำมาประยุกต์เข้ากับของใช้ประจำวัน นั่นก็คือสบู่นมสดน้ำผึ้ง  และแชมพูสมุนไพรน้ำผึ้ง  ผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะมีส่วนประกอบของน้ำผึ้ง  คุณสมบัติต่างๆของน้ำผึ้งในสบู่และแชมพูของเราก็ยังคงรูปเดิม  ท่านไม่ต้องเสียเวลาหรือยุ่งยากวุ่นวายไปกับการเตรียมน้ำผึ้งอีกต่อไป  เรานำมารวมไว้ในจุดเดียวเพื่อให้ท่านได้ใช้ประโยชน์จากธรรมชาติได้เต็มที่